หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

คู่ขาคุณชื่ออะไรครับ




ผมขอประเดิมก่อนเลยละกันในรูปเป็น เจ้าสีนิล ป่านนี้งอนไปแล้ว...ไม่เคยได้พาไปออกกำลังเลย เดี๋ยวหายดี จะพาไปลงแทรคซักหน่อย "เจ้าสีนิล"(Giant XCT)ม้าตัวแรกของผม คู่ขาหัดปั่น ตั้งแต่เริ่มแรกเลยครับ...ไม่ว่าจะแข่ง จะซ้อมแทรค ออกทริป100upกับเพื่อนๆหลายชมรม เรียกว่า นับครั้งไม่ถ้วน

"เจ้าสำรวม" (แกงโฮ๊ะ)..........."ม้าสำรวม"(Garyfisher Wahoo)ผ่านการเดินทาง ทริปลาวตอนเหนือ"หลวงพระบาง-เวียงจัน" ....ทริป "เวียงจัน-น้ำพาว-เว้-ฮานอย-ซาปา" ตอนนี้กลายป็นม้าทางเรียบไปแล้ว เดี๋ยวมีเวลาจะลงรูปล่าสุดให้ชมครับ ...สาเหตุที่ชื่อ"สำรวม"เพราะว่า เดิมๆสมัยยังไม่มีชื่อ ผมกะจะเอาไว้ขึ้นเทรนเนอร์อย่างเดียว ก็เลยใช้อะหรั่ยพื้นๆที่เพื่อนไม่ใช้ บริจาคบ้าง ขอเอาดื้อๆบ้าง เป็นม้าที่ถูกเปลี่ยนแปลง สมรรถนะเพื่อรองรับภาระกิจที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงตลอดมา แม้วันนี้จะเป็นม้าที่เร็วที่สุด หนึ่งในลูกรัก แต่สำรวมพร้อมเปลี่ยนแปลงเพื่อภาระกิจใหม่ๆอยู่เสมอ ...เหมือนเดิม...ครับ

"เจ้าม้าดำ"(Trek 520)
.....ม้าลูกรัก ล่าสุด อายุยังไม่ครบขวบดี จัดมาเพื่อรองรับ ทริปยาวๆโดยเฉพาะ เป็นม้าที่ผมใช้ปั่นมาทำงานเกือบจะทุกวัน เป็นม้าที่มีออฟชั่นเหมาะกับทางเดินทางและใช้งานอย่างหลากหลาย จะใช้ปั่นมาทำงานก็เหมาะมาก ...เพิ่งจะได้ออกทริปแรกกะเค้า ก็เจอทริปโหดสุดๆไปเลย ก็ทริปนี้....กับเรื่องดีๆมากมาย.....
(คลิ้กชมคู่ขาอีกมากมายที่นี่ครับ)

http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=55970

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

ปอยเปต-เสียมเรียบ-พนมเปญ-ไพลิน CAMBODIA





........................สวัสดี เพื่อนๆนักปั่นทุกคนครับ วันนี้ผมมีทริปปั่นท่องเที่ยวต่างแดนมาให้เพื่อนๆอ่านเล่นๆคลายเหงาครับ ...หลังจากผมจบทริปปั่นไปปักกิ่ง ถึงวันนี้ปีกว่าๆแล้วครับ วันเวลาผ่านไปเร็วจัง ...ผมตั้งใจเอาไว้ กับตัวเองเล่นๆ เป็นนโยบาย ขำขำเอาไว้ว่า ผมจะมีทริปเดินทางไปต่างประเทศ ปีละประเทศ ถ้าทำได้..ส่วนจะทำได้จริงหรือ โอกาสไม่อำนวย ทำไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่องครับ.ปี2009นี้ ผมนั่งนึกๆว่าปีนี้จะไปใหนดี ทริปปีนี้ อาจเกินสิบวันได้แค่เล็กน้อย ตามสภาพเศรษกิจของตัวผมเอง บ้านไกลเรือนเคียงกับเรา ไกล้ๆก็มี มาเลเซีย,สิงค์โปร์,อินโดนิเซีย,พม่า,กัมพูชา...ในจำนวนประเทศเหล่านี้ ใจผมเอนมาทางกัมพูชาเป็นอันดับแรกๆเพราะ มีสถานทีสำคัญน่าสนใจ ที่ผมอยากไปสัมผัสมานานแล้ว อย่าง ปราสาทนครวัด กลุ่มปราสาทอื่นๆ เมืองหลวงพนมเปญ ซึ่งมีประวัติศาสตร์มากมาย อีกทั้งค่าใช้จ่ายคงไม่สูงนัก มากสุดคงเท่ากับเที่ยวเมืองไทย และช่วงเดือนนี้ ผมเดาๆว่า ที่ประเทศกัมพูชา ท้องฟ้าก็คงจะสวยงามมากเหมือนเมืองไทย ...ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดวางแผนจะปั่นจากไทย-กัมพูชา และไปเจอเพื่อนๆร่วมทริปของคุณธานินทร์ ที่ปั่นกลับจากเวียตนาม-ไทย เข้าลาวใต้ แต่แผนนี้ ผมก็ล้มมันไปซะก่อน...ในที่สุด คำตอบสุดท้าย เป้าหมายชัดเจนไม่เปลี่ยนแล้ว วัตถุประสงค์ ปั่นไปถ่ายภาพ"นครวัด"แวะเที่ยว"พนมเปญ"ชมวิถีชีวิตชาวกัมพูชา..ว่าแล้วก็เตรียมลุยเลยครับ ..ตามภาษิตชาวกัมพูชาที่ว่า "ตะเลาะ มัน เกย ร็อต รัว กระเบ็ย" แปลเป็นไทยว่า "ปลักไม่เคยวิ่งไปหาควาย"(อ่านรายละเอียดที่ลิ้งค์ครับ)

เชียงของ-หลวงน้ำทา-ซาปา-ปักกิ่ง Thailand-Beijing China

สวัสดีชาวเสือนักปั่นทุกท่าน...วันนี้ ผมมีภาพพร้อมคำบรรยาย ทริปปั่นจักรยานทางไกล มาฝากครับ..ยาวหน่อยนะครับ เริ่ม ยังไงดีล่ะ ..เขียนเรื่องก็ไม่เก่งซะด้วย ..งั้นเริ่มที่ต้นแบบนี้ละกัน ...ก็ความฝัน ความอยากน่ะแหละครับ อยากปั่นไปไกลๆ อยากผจญภัย อยากมีชีวิตอิสระ สารพัดเหตุจะอยาก อะไรๆประมาณนี้แหละ ผมว่าเพื่อนๆหลายคนก็คงมีความอยาก ความฝันแบบผม ว่ามั๊ย ..ทำแต่งานงาน งาน...อะไรจะขนาดนี้ ชีวิต!!!..เวลาผมนั่งนิ่งๆ ผมคิด...ชีวิตมันต้องหนีความจำเจ เปิดตามองหาแนวการย่ำเดินของชีวิตใหม่ๆซะบ้าง ผมอยากจะหลุดจากวงจรการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน ลองใช้ชีวิตอีกแบบ ที่มันไม่มีแบบแผน อย่างที่ตัวผมเองปฎิบัติ ซ้ำๆทุกวัน อย่างน้อยก็ ซักครั้งหนึ่ง ซักสักระยะหนึ่งในชีวิต ผมอยากรู้สึก อยากรับรู้ถึง"การเปลี่ยนแปลงชีวิตแบบฉับพลั้นทันที" ...ผมเริ่มหมุนเข็มทิศ หาเป้าหมายการเดินทาง ถ้าฝันอยากจะปั่นไป อยากเดินทางไปที่แห่งใดในโลก ถ้าถามผม ผมคงฝันถึง"ทิเบต ดินแดนภูเขาสูงและหนาวเหน็บ"เป็นแห่งแรก ผมประเมินตัวเองบวกความบ้าที่รู้ตัวดี เออ ผมคงไปได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตลอดรอดฝั่งรึเปล่า5555... เมื่อได้ที่หมาย "ทิเบต" ผมใช้เวลามากกว่าหกเดือน ในการหาข้อมูลการเดินทาง และเตรียมอุปกรณ์ แต่แล้วก็เกิด จิตสับสน คิดและบอกตัวเอง "ไปปักกิ่งซิ โอลิมปิกพอดี" โอกาสนี้ มันก็มีแค่ครั้งเดียว ที่จะมีโอลิมปิกใกล้บ้านเรามากที่สุด ใกล้ซะ จนสามารถปั่นจักรยานไปได้ (อ้างซะแบบนี้ จริงๆที่ใหนก็ปั่นไปได้นิ555)...แต่สุดท้ายผมเลือกเส้นทาง"ลาว-ทิเบต-เนปาล" เหตุผล ทิวทัศน์สวยงาม เขาสูงชัน ท้าทายความรู้สึกผม มากๆและระยะทาง บวกระยะเวลาที่สั้นกว่าผมว่า ทิเบตนี่นอกจากผมแล้ว ยังเป็นเส้นทางในฝันของนักปั่นจำนวนมาก ผมเลือกเดินทาง เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ซึ่งคาดว่า ที่ทิเบต อากาศน่าจะหนาวเย็น น้อยที่สุดแล้ว.. ...ผมเริ่มหาของใช้ในการเดินทาง สำหรับภูมิประเทศที่สูง,หนาวเหน็บ,อากาศเบาบาง ที่ซึ่งบางวันอาจจะไม่มีที่พัก,ไม่มีร้านอาหาร ทั้งถุงนอนและเต้นท์ ที่ผมสรรหาล้วนแต่ ทำมาเพื่อรองรับอุณหภูมิ 0องศา ถึง-15องศา...แต่ด้วยเหตุผล ที่อะไรก็เกิดได้ในโลกกลมๆใบนี้ เกิดเหตุการณ์ประท้วงที่ทิเบต ต่อมาเริ่มบานปลายจนหุบไม่ลง ..ไม่จบ และน่าจะจบยาก "โอ๊ตน์ นน"เพื่อนคราวน้อง ที่เปิดร้านสปริ้นส์คาเฟ่ อยู่ทิเบต ซึ่งผมติดต่อ อยู่เรื่อยๆ ก็บอกตอนนี้"ทิเบต"แทบเป็นเมืองปิด ร้านกาแฟของน้องเค้าเอง ยังต้องนั่งตบยุง(มียุงเปล่าไม่รู้นะ) แต่ถ้าผมจะไป ก็ไปได้ แต่ต้องนั่งรถโดยสารไป..อืมม..ถ้านั่งรถโดยสาร ผมคงไม่ไปหรือถ้าไป ก็ไม่ใช่อารมณ์นี้..สุดท้ายก็ต้องจำยอม คิดได้แค่ว่า ฝากใว้ก่อนละกัน..ลาซา ทิเบต(คลิ้กอ่านลายละเอียดที่ลิ้งค์ครับ)

http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=27&t=3836

หลวงพระบาง-เวียงจัน Luang Pra Bang-Viang Chan


...ผมเคยไปหลวงพระบางเมื่อ7 ปี ที่ผ่านมาครับ ตอนนั้นผมนั่งรถบัสประจำทางจาก "หลวงพระบาง-เวียงจัน" ผมจำได้ว่า แค่นั่งรถบัสไปมันก็ทรมานสังขารน่าดูแล้วนะ รถบัสเก่าๆ เบาะแคบ นั่งเบียดๆกัน ใครขายาว ก็นั่งงอขาคุดคู้ น่าสงสารเชียว ระยะทางเกือบๆ400กม. ผมใด้ฟังแต่เพลงของ "ทาทา ยัง" กับเพลงไทยฮิตๆในตอนนั้นตลอดทาง(ใจอยากฟังเพลงลาว) ประมาณแปดชั่วโมงเศษๆมั๊ง กว่าจะถึง ...ในใจผมคิดอย่างเดียวว่า ขากลับจากหลวงพระบาง ผมนั่งเครื่องบินกลับ จะดีกว่า...แล้วผมได้บินกลับสมใจ แต่ก็เลือกใช้บริการ "การบินลาว" ที่มีพนักงานเท่าที่เห็นอยู่ทั้งลำแค่ 2 คน คือกัปตัน กับโฮสเตส สาวสวย นุ่งผ้าซิ่น มีเพื่อนร่วมเที่ยวบินเดียวกันอีก ยิ่สิบกว่าชีวิต และก็เป็นเที่ยวบินที่ ตื่นเต้นน่าดูครับ เพราะจะรู้เลยว่า เราถึงบินไปถึงใหนกันแล้ว เป็นเครื่องบินที่บินต่ำมาก...เหมาะสำหรับคนชอบถ่ายภาพอย่างผมจริงๆ....พอผมได้รู้จัก ได้สัมผัส เจ้า"เสือภูเขา"มาได้ระยะหนึ่ง มีฝีมือพอจะรู้วิถี การควบคุมมัน...ผมอยากวัดใจตัวเองอีกครั้ง ตั้งใจว่าจะปั่นจาก"หลวงพระบาง-วังเวียง-เวียงจัน" ว่ากันว่า เส้นทางแห่งนี้ ช่างเร้าใจ และท้าทายสำหรับนักจักรยานเป็นอย่างยิ่ง...มาดูกันครับ ผมตั้งใจเอาไว้กับตัวเองว่า จะถึงที่หมายโดยไม่ยอมขึ้นรถเด็ดขาด... ยิ่งเที่ยวนี้มี"เสือบุญเลิศ"เพื่อนร่วมชั้นมัธยมมาด้วย..ยิ่งมั่นใจ ดูซิว่า การเดินทางด้วยการนั่งรถ นั่งเครื่องบิน กับปั่นจักรยาน อะไรจะมันจะสะใจกว่ากัน(อ่านรายละเอียดทั้งหมดที่ลิ้งนะครับ)

New Straits Time


เราถ่ายภาพกันหน้าร้านดีจัง ก่อนผมและเพื่อนจะไปส่งแซมที่กรุงเทพ

ภาพนี้ลงนสพ.มาเลเซีย

นสพ.หนันหยัง


นสพ.ท้องถิ่น ที่เมืองหนังหยัง มณทลกุ้ยโจว ที่นี่ประชากรแค่"ร้อยล้านกว่าคน"เองครับ

นสพ.เหอเป่ย







ผมกับม้าดำ ม้าคู่ใจ เราเป็นข่าวที่มลฑลเหอเป่ย ก่อนถึงกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนเพียง 300กม.ที่นี่ห่างจากประเทศไทยประมาณ4000กม